วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ส่วนประกอบของโปรแกรม Internet Explorer

Internet Explorer จะมีส่วนประกอบต่างๆ ของโปรแกรมที่เรียกชื่อแตกต่างกัน ส่วนต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น




ไตเติ้ลบาร์ (Title bar) แสดงชื่อของเอกสารบนอินเทอร์เน็ตที่กำลังเปิดชมอยู่ในขณะนั้น

เมนูบาร์ (Menu bar) เมนูคำสั่งในการทำงาน เมื่อคลิกที่ชื่อของเมนู จะมีรายการเมนูย่อยแสดงออกมาให้เลือกใช้

Standard toolbar จะเป็นชุดไอคอนที่ช่วยในการทำงานอย่างรวดเร็ว แทนการใช้คำสั่งบนเมนูบาร์ สามารถกำหนดได้จากออปชั่น (options) ของ Internet Explorer

Go button ปุ่ม Go ที่ใช้ป้อน URL ที่ต้องการแล้ว สามารถคลิกปุ่มนี้แทนปุ่ม Enter ได้

แอดเดรสบาร์ (Address bar) ที่นี่เป็นที่ใสที่อยู่ของเอกสารเว็บหรือที่อยู่ของสถานที่บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งเรียกว่า URL และหากกดปุ่มลูกศรที่อยู่ทางขวามือ จะมีรายการของ URL ที่เคยเปิดเรียกดูมาแล้ว สามารถเลือกคลิกไปที่ที่เราต้องการได้ทันที นอกจากนี้แล้ว ยังสามารถเรียกดูข้อมูลของฮาร์ดดิสก์จากที่นี่ได้ด้วย

ลิงก์บาร์ (Link bar) ใช้เก็บลิงก์พิเศษที่เราต้องการจะเข้าถึงอย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องเปิดที่ Favorites

เอ็กซ์พลอเรอร์บาร์ (Explorer bar) เป็นส่วนที่ใช้แสดงการค้นหาข้อมูล ผลลัพธ์ที่ได้จากการค้นหาข้อมูล ลิสต์รายการของ Favorites และลิสต์รายการของ History สามารถกำหนดให้แสดงหรือซ่อมไว้ก็ได้

เบราเซอร์เพน (Browser pane) คือจอภาพที่แสดงข้อมูลของเว็บเพ็จ
Status bar เป็นแถบแสดงสถานะการทำงาน ที่แสดงว่าสถานะการโหลดเว็บเพ็จ การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต


ที่มา :  http://www.chaiwbi.com/anet01/p06/t06b.html



การหยุดการโหลด (Stop)

        ในขณะที่โปรแกรมอยู่ในระหว่างการโหลดเว็บเพจตามที่เราพิมพ์ชื่อเว็บเพจไว้ในช่อง Address นั้น เมื่อเราไม่ต้องการเว็บเพจนี้ หรือต้องการเปลี่ยนแปลงชื่อเว็บเพจใหม่ เราก็ควรจะหยุดการโหลดเว็บเพจโดยคลิกที่ปุ่ม Stop
 
 
ที่มา  : http://sasiwimontan.blogspot.com/2011/11/4-web-browser.html
 

การสั่งให้มีการโหลดใหม่ ( Refresh)


        เมื่อเราพิมพ์ชื่อ Web ไว้ที่ช่อง Address แล้ว บางครั้งเราจะพบว่าโปรแกรม Web Browser สา มารถโหลดเว็บไซต์นั้นมาให้เราได้เพียงบางส่วนเท่านั้นก็หยุดการโหลด โดยเราจะสังเกตจากรูปธงที่สะบัดอยู่มุมบนด้านขวาของหน้าจอโปรแกรมหยุดการ สะบัด เราสามารถสั่งให้โปรแกรมโหลดเว็บไซต์นั้นให้เราใหม่อีกครั้ง โดยที่เราไม่ต้องพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ในช่อง Address ใหม่เพียงแคคลิดที่ปุ่ม Refresh โปรแกรมก็จะทำการโหลดเว็บไซต์ที่เราต้องการให้ใหม่ทันที
 
 
ที่มา : http://sasiwimontan.blogspot.com/2011/11/4-web-browser.html

การกลับไปยังหน้าแรกของเว็บไซต์ (Home)


        ในการเข้าไปใช้งานเว็บไซต์ต่าง ๆ เมื่อคลิกลิงก์ไปยังหน้าอื่น ๆ  ของเว็บไซต์ ก็เหมือนกับเราเปิดหนังสือทีละหน้าอ่านไปเรื่อย ๆ เมื่อเราต้องการกลับไปยังหน้าแรกของเว็บไซต์นั้น ๆ ถ้าคลิกที่ปุ่ม Back ก็เหมือนกับเราพลิกกลับมาทีละหน้า แต่ถ้าต้องการกลับไปยังหน้าแรกครั้งเดียวเลยจะต้องคลิกที่ปุ่ม Home 




 ที่มา : http://sasiwimontan.blogspot.com/2011/11/4-web-browser.html

การบันทึกเว็บเพจที่ชอบ ( Favorites)










ที่มา : http://www.happyoppy.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=460115&Ntype=4



การพิมพ์เว็บเพจ ( Print)

ในขณะที่คุณกำลังท่องเที่ยวอยู่บนออนไลน์นั้น คุณสามารถสั่งพิมพ์เว็บเพจออก ทางเครื่องพิมพ์ได้ทันที โดยที่ Internet Explorer ให้คุณเลือกที่เมนู File > Print


ซึ่งจะแสดงรายละเอียดในการสั่งพิมพ์งาน ให้คุณเลือกได้ว่าจะสั่งพิมพ์ที่เครื่องพิมพ์ไหน (ในกรณีที่คุณเชื่อมเครื่องพิมพ์หลายเครื่อง) จำนวนหน้า จำนวนสำเนา และที่พิเศษคือหากเว็บเพจที่คุณต้องการจะสั่งพิมพ์ประกอบด้วยเฟรมหลายๆ เฟรม คุณสามารถเลือกได้ว่าคุณจะสั่งพิมพ์ที่เฟรมไหน หรือจะสั่งพิมพ์หมดทุกเฟรม 

ส่วนของ Nescape Navigator สั่งพิมพ์ โดยเลือกที่ File > print แต่จุดที่แปลกจาก Internet Explorer คือคุณสามารถที่จะเห็นเค้าโครงคร่าวๆ ก่อนการสั่งพิมพ์หน้าเว็บเพจ โดยไปที่ File > print preview 


ที่มา :  http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/poonsak/itbrowser/print.html

การตั้งค่ากระดาษ (Page setup)

  โดยปรกติแล้วเมื่อเราเข้าเว็บต่างๆ จากนั้นเราต้องการจะพิมพ์หน้าเพจนั้นออกมาเป็นกระดาษจะมีหัวกระดาษ และท้ายกระดาษติดมาด้วย หรือ path ของไฟลล์ วันนี้จะขอแนะนำวิธีการตั้งค่าเพื่อให้เราสามารถกำหนดได้ว่า ต้องการให้พิมพ์อะไรออกมาพร้อมกับเว็บเพจบ้าง
          การตั้งค่าไม่ให้ Printer พิมพ์หัวกระดาษและท้ายกระดาษออกมาพร้อมกับหน้าเว็บ การ ตั้งค่าใน Internet Explorer ให้เลือกที่เมนู File >> page setup จากนั้นจะแสดงหน้าต่างให้กำหนดค่าต่างๆ เช่น ขนาดกระดาษ, แนวการพิมพ์ของกระดาษ, ขอบของกระดาษทั้ง 4 ด้าน และข้อความที่จะพิมพ์ในส่วนหัว-ท้ายของกระดาษ


ส่วน ที่เราสนใจคือส่วนของ Headers and Footers ถ้าไม่ต้องการพิมพ์ Header ก็สามารถทำได้โดยการลบข้อความในช่อง Header ส่วนของ Footer ก็เช่นกัน และถ้าเราต้องการพิมพ์ Header ล่ะแต่อยากได้เพียงบางส่วนเท่านั่นเราจะทำอย่างไร
ข้อความใน Header แต่ละ่ตัวจะมีความหมายว่าให้ทำงานในลักษณะใด หรือแทนคำสั่งใด 



โค๊ดผลลัพธ์
&b ข้อความจัดกลาง
&b ข้อความแรก&bข้อความที่สองข้อความแรกจะถูกจัดกลาง ข้อความที่สองจะถูกจัดอยู่ขวาสุด
&dแสดงวันที่แบบย่อตาม Regional Settings ใน Control Panel
&Dแสดงวันที่เต้มรูปแบบ
&pเลขหน้าของเว็บเพจ
&Pจำนวนหน้าทั้งหมด
&tใส่รูปแบบของเวลาแบบ 12 ชั่วโมงหรือ 24 ชั่วโมง
&Tเวลาในรูปแบบ 24 ชั่วโมง
&uใส่ Address หรือ URL ของเว็บเพจ
&wข้อความที่แสดงใน title bar
&&ใช้เมื่อต้องการใส่เครื่องหมาย “&”


ที่มา : http://ikungolf.blogspot.com/2011/09/web-browser.html

การบันทึกเว็บเพจ








ที่มา : http://www.happyoppy.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=457571&Ntype=4


การปรับแต่งตัวอักษร

  เว็บไซต์บางแห่งจะมีการกำหนดขนาด Font ที่ตายตัว อาจจะเพื่อความสวยงามหรือเพื่อความเป็นระเบียบของเว็บเพจ แต่ในบางครั้งก็ทำให้อ่านลำบากเพราะขนาด font ที่เล็กเกินไป..สำหรับท่านที่ใช้ Internet Explorer สามารถที่จะยกเลิกการกำหนดขนาด Font ได้

 ขอตัวอย่างเว็บไซต์ http://www.gorya.com/firefox/






 จะเห็นว่าแม้ปรับขนาด Text Size แล้วแต่ขนาด Font ที่แสดงผลในเว็บเพจยังคงไม่เปลียนแปลงทีนี้เรามายกเลิการกำหนดขนาด Font โดยเข้าไปที่ Control Panel >>> Internet Options >>> แท็บ General >>> ปุ่ม Accessibility 


ที่หน้าต่าง Accessibility ให้ทำเครื่องหมายที่ Ignore font sizes specified on Web pages


ลองปรับขนาด Text Size ดู จะเห็นว่าตอนนี้คุณสามารถปรับได้แล้ว


หากย้อนไปดูที่หน้าต่าง Accessibility ในส่วน Formatting คุณจะเห็นจุดที่คุณสามารถกำหนดรูปแบบได้อีกสองจุดคือ..

[ ] Ignore colors specified on Web pages
[ ] Ignore font styles specified on Web pages

ลองทำเครื่องหมายที่ Ignore font styles specified on Web pages ..
จะเห็นว่ารูปแบบ Font มีการเปลี่ยนแปลง คือจะไม่แสดงรูปแบบ Font ตามที่ได้มีการกำหนดไว้ในเว็บไซต์ แต่จะใช้รูปแบบ Font ปกติ (Default) แทน 



ลองทำเครื่องหมายที่ Ignore colors specified on Web pages ..
จะเห็นว่าสีขอบตาราง, ตัวหนังสือ, Background ถูกยกเลิกไม่ให้แสดงผล



ที่มา : http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=41183.0



การทำ Work Offline

การใช้งาน Internet Explorer แบบ Offline

  การใช้งานแบบ Offline ก็คือการที่เราทำการเก็บข้อมูลของหน้า Web Page ที่ได้เคยเข้าไปเยี่ยมชมแล้ว และทำการเรียกมาดูใหม่อีกครั้ง โดยที่ไม่ต้องทำการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตใหม่ ซึ่งสามารถทำได้ 3 รูปแบบดังนี้

            1.    การใช้เมนู File >> Work Offline โดยการเลือกที่ Work Offline หรือเป็นการทำงานในแบบ Offline นั่นเอง เมื่อเลือกที่เมนูนี้แล้ว จะทำให้สามารถเรียกดูข้อมูลของเว็บที่ได้เคยแวะเข้าไปเยี่ยมชมและยังมีเก็บอยู่ใน Temporary File ขึ้นมาดูได้ โดยวิธีนี้อาจจะไม่สามารถรับประกันได้ว่า  Web Page ที่เคยเข้าไปดูนั้น จะยังอยู่ครบหรือไม่ เพราะขนาดที่จำกัดของ พื้นที่ของ Temporary File นั่นเอง


            2.     การใช้เมนู File >> Save as หน้า Web Page ที่ต้องการเก็บไว้ วิธีนี้จะเป็นการเก็บข้อมูลทั้งหน้าลงใน Harddisk ทำให้เก็บข้อมูลของหน้า Web Page ไว้ได้ตลอดไป เมื่อต้องการเรียกดูใหม่ก็เลือกเปิดที่ ชื่อไฟล์ที่เราเก็บไว้ได้เลย

            3.    การใช้เมนู Favorites >> Add Favorite ซึ่งวิธีนี้ จะเป็นการเก็บเฉพาะ Link หรือ URL ของหน้า Web ที่ต้องการไว้ แต่ถ้าหากเลือกที่ช่อง Make available offline ไว้ด้วย จะเป็นการสั่งให้ Internet Explorer ทำการเก็บข้อมูลของหน้า Web Page นั้นแบบ Offline ได้ด้วย หากต้องการเรียกดูเมื่อไร ก็สามารถทำได้ นอกจากนี้ยังสามารถสั่งให้ Internet Explorer ทำการตรวจสอบและ Update ข้อมูลของ Favorite ที่ตั้ง Offline นี้ไว้ได้โดยการเลือกที่เมนู Tools >> Synchronize ได้ด้วย 





ที่มา :  http://school.obec.go.th/prathueang/internet_user.html












การเปิดหน้าต่างใหม่




เปิดแท็บใหม่อย่างรวดเร็ว

                 แน่นอนว่าธรรมชาตืการใช้งานอินเตอร์เน็ตเบราเซอร์ของเรานั้น ย่อมจะต้องเปิดเว็บไซต์มากหว่าหนึ่งหน้าไว้เสมอ ซึ่งในหัวข้อเริ่มต้นนี้ เราจะมาแนะนำทริกง่ายๆ กับการเปิดหน้าต่างใหม่ และแท็บการใช้งานใหม่บน Internet Explorer 9 ได้ง่ายๆ โดยทำตามขั้นตอนดังนี้ครับ


  สำหรับการเปิดหน้าต่างใหม่นั้น คุณไม่จำเป็นต้องไปกดไอคอน IE9 ทุกครั้งไป แต่สามารถใช้ปุ่มลัด  อย่าง Ctrl + N เพื่อเปิดหน้าต่างใหม่ได้ในทันที
                และหากคุณต้องการเปิดแท็บหรือหน้าเว็บไซต์ใหม่ในหน้าต่างเดิมก็เพียงแค่ใช้ คำสั่ง Ctrl + T เท่านี้แท็บใหม่ก็จะถูกเปิดขึ้น หรือดับเบิ้ลคลิกไปที่ว่างข้างแท็บที่กำลังใช้งานก็ได้ครับ


 ที่มา : http://www.notebook888.com/tips/article/ie9_tips_tricks

การปรับแต่งโปรมแกรม Internet Explorer



            การท่องอินเทอร์เนตในปัจจุบัน โปรแกรมหลักที่เครื่องคอมพิวเตอร์จำเป็นจะต้องมีก็คือ โปรแกรมประเภทบราวเซอร์ เพื่อใช้เรียกเว็บเพจจากเว็บไซต์ต่างๆ ขึ้นมาแสดงบนหน้าจอ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น Internet Explorer, Netscape, Mozilla ฯลฯ โดยที่ฮิตที่สุดคงหนีไม่พ้น Internet Explorer หรือที่เราเรียกกันว่า IE เนื่องจากเป็นบราวเซอร์ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows ตั้งแต่เวอร์ชันเก่าจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น windows XP หรือ Windows 2003 ก็จะมีบราวเซอร์ IE ติดมาด้วย


การท่องอินเทอร์เนตในปัจจุบัน โปรแกรมหลักที่เครื่องคอมพิวเตอร์จำเป็นจะต้องมีก็คือ โปรแกรมประเภทบราวเซอร์ เพื่อใช้เรียกเว็บเพจจากเว็บไซต์ต่างๆ ขึ้นมาแสดงบนหน้าจอ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น Internet Explorer, Netscape, Mozilla ฯลฯ โดยที่ฮิตที่สุดคงหนีไม่พ้น Internet Explorer หรือที่เราเรียกกันว่า IE เนื่องจากเป็นบราวเซอร์ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows ตั้งแต่เวอร์ชันเก่าจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น windows XP หรือ Windows 2003 ก็จะมีบราวเซอร์ IE ติดมาด้วย ปัจจุบันได้มีการพัฒนามาและอัพเกรดขึ้นมาหลายเวอร์ชัน ล่าสุดก็คือ เวอร์ชัน 6 ที่ยังมีช่องโหว่ต่างๆ มากมาย ที่ยังคงมีการพัฒนามาเรื่อยๆ เป็น 6.1 ~ 6.2


แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นก็ยังไม่อาจทำได้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้หลายๆ คน ซึ่งการปรับแต่งนั้นอาจทำได้เพียงแค่โหลด Skin เข้ามาตกแต่งให้มีสีสันมากขึ้น หน้าตาเปลี่ยนไปบ้าง และถ้าอยากจะทำอะไรที่นอกเหนือจากนั้น คุณอาจจะต้องใช้เครื่องมือจำพวก Tweak เพื่อมาปรับแต่ง แต่คอลัมน์ Internet Tips ฉบับนี้เราได้เตรียมวิธีที่จะช่วยให้คุณสามารถ แก้ไข และปรับแต่ง IE โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยโปรแกรมจากภายนอกมาช่วยเลย ซึ่งอาศัยเพียงเทคนิคการแก้ไข registry ที่จะยกมา 12 วิธี ด้วยกัน ดังนี้

1. วิธีการซ่อนไอคอน IE บนหน้าต่างเดสก์ทอป




การแก้ไข Registry เพื่อซ่อนไอคอน IE

โดยปกติแล้วบนหน้าจอวินโดวส์จะมีไอคอนดีฟอลต์อยู่ ซึ่งจะไม่สามารถทำการ Delete ออกไปได้ วิธีการคือ ให้เปิดหน้าต่าง Registry แล้วทำการแก้ไขพาร์ท ของ User Key และ System Key โดยสร้าง DWORD value หรือแก้ไขค่าเดิมที่มีอยู่แล้ว ชื่อ "NoInternetIcon" แล้วเซตค่าภายในให้มี ค่าเป็น 1 เพื่อยกเลิกการทำงาน

การตั้งค่าของ Registry
User Key: [HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPolicies Explorer]
System Key: [HKEY_LOCAL_MACHINESoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPolicies Explorer]
Value Name: NoInternetIcon
Data Type: REG_DWORD (DWORD Value)
Value Data: (0 = disabled, 1 = enabled) ให้ใส่เลข 1 เข้าไป

Note: ไอคอน IE บนเดสก์ทอปจะหายไป แต่ยังสามารถสร้าง Short cut ขึ้นมาแทนใหม่ได้ถ้าต้องการ

2. วิธีการซ่อนโฟลเดอร์ Links จากเมนู Favorite


การแก้ registry เพื่อลบโฟลเดอร์ Favorite

Favorite มีไว้สำหรับเก็บลิงค์เว็บไซต์ต่างๆ ที่คุณชอบเข้าไป ซึ่งจะมีโฟลเดอร์อยู่ตัวหนึ่งที่ต่อให้ลบโฟลเดอร์นี้ไปแล้ว เมื่อเปิด IE ขึ้นมาใหม่ วินโดวส์จะสร้างโฟลเดอร์นี้ขึ้นมาอีก และวิธีที่จะลบโฟลเดอร์ Links ออกอย่างถาวรนั้น ให้ไปที่พาร์ทของ Userkey ในช่อง "LinksFolderName" โดยปล่อยให้เป็นค่าว่าง ๆ เอาไว้ เมื่อลบแล้วเปิด IE ขึ้นมาอีกครั้ง ก็จะไม่ปรากฏโฟลเดอร์ Links ให้เห็นอีกเลย

การตั้งค่าของ Registry
User Key: [HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftInternet ExplorerToolbar]
Value Name: LinksFolderName
Data Type: REG_SZ (String Value)

Note:วิธีการที่ง่ายกว่าคือสามารถเข้าไปที่ พาร์ทซึ่งเก็บเมนู Favorite เช่น C:windowsFavorite ในวินโดวส์ 9x หรือที่ C:Documents and SettingsUser_nameFavorites บนวินโดวส์ NT, 2000, xp แล้วทำการเลือกที่โฟลเดอร์ Links คลิกขวาเลือก Properties จากนั้นทำการเช็คบอกซ์ที่ค่าของ Hidden แล้วกด OK ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

3. วิธีการบล็อกไม่ให้ใช้ FTP ผ่านบราวเซอร์


การแก้ registry เพื่อบล็อกการทำงานของ FTP

การเข้าไปยังเว็บไซต์บางแห่งจะมีช่องทางให้เราสามารถดาวนด์โหลดข้อมูลผ่านโพ รโตคอลจำพวก FTP ซึ่งเราสามารถปิดไม่ให้ใช้งานได้ โดยไปที่ registry พาร์ท System Key จากนั้นให้ลบค่าที่อยู่ใน String ที่ชื่อ “ftp”

การตั้งค่าของ Registry
System Key: [HKEY_LOCAL_MACHINESOFTWAREMicrosoftWindowsCurrentVersionURL Prefixes]
Value Name: ftp
Data Type: REG_SZ (String Value)
Value Data: ftp://

Note: ถ้าต้องการจะให้ทำงานอีกครั้ง ให้สร้าง String ขึ้นมาใหม่ที่ชื่อ “ftp” แล้วเซตค่าภายในให้เป็น “ftp://”

4. วิธีการซ่อนทูลบาร์ My picture ใน IE


                                การปรับแต่ง Registry เพื่อซ่อน Toolbar My picture


เมื่อเราเปิดรูปภาพด้วย Internet Explorer จะมีทูลบาร์ปรากฏขึ้นมา ให้คุณสามารถบันทึกภาพ พิมพ์ ส่งอีเมล์ หรือเปิดไปยังโฟลเดอร์ My picture โดยหากเราต้องการซ่อนทูลบาร์นี้ ไม่ให้ปรากฏขึ้นมาเมื่อนำเมาส์ไปชี้ที่ภาพแล้วละก็ (สามารถใช้ได้ตั้งแต่ IE 5.5 ขึ้นไป) ให้เข้าไปที่พาร์ทของ User Key จากนั้นสร้าง DWORD ให้เป็นชื่อ "MyPics_Hoverbar" แล้วใส่ค่าภายในดังรูป

การตั้งค่าของ Registry
User Key: [HKEY_CURRENT_USERSoftwarePoliciesMicrosoftInternet Explorer PhotoSupport]
Value Name: MyPics_Hoverbar
Data Type: REG_DWORD (DWORD Value)
Value Data: (0 = show bar, 1 = hide bar)

Note: หลังจากแก้ไขค่าเสร็จแล้ว เราต้อง Restart เครื่องก่อนจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ต้องการ และสามารถเข้ามาแก้ไขค่าคืนได้ตามต้องการ

5. เปลี่ยนโปรแกรมดู Source ของเว็บเพจ


   ปกติแล้ว ค่าดีฟอลต์ของ windows เมื่อเลือกฟังก์ชัน View -> Source จะเป็นการเรียกโปรแกรม Notepad ขึ้นมาเพื่อดู Source code ภายใน แต่ถ้าคุณมีโปรแกรมที่สามารถดู Source ได้หลายตัว ก็สามารถที่จะตั้งค่าใหม่ให้ชี้ไปยังโปรแกรมที่ต้องการได้ โดยอันดับแรกให้เปิด registry และไปที่พาร์ทของ System Key จากนั้นเซตพาร์ทของตัวโปรแกรม Editor ให้เป็นแบบ Full path และชี้ไปยังไฟล์ที่ต้องการให้รันขึ้นมาอ่าน Source code ของเว็บเพจ ซึ่งปกติจะเป็นไฟล์ .exe (ดีฟอลต์จะชี้ไปที่ C:windowsnotepad.exe )


              การแก้พาร์ทเพื่อชี้ไปยังโปรแกรม Editor อื่นที่จะนำมาเปิด Source code

การตั้งค่าของ Registry
System Key: [HKEY_LOCAL_MACHINESOFTWAREMicrosoftInternet Explorer View Source EditorEditor Name]
Value Name: (Default)
Data Type: REG_SZ (String Value)
Value Data: Path and Filename of Editor

Note: ให้ Restart เครื่องทุกหลังจากแก้ไขค่าเสร็จแล้ว

6. เปลี่ยนลิงก์ให้ Online Support ของ Internet Explorer


การแก้ไข URL ของ Online Support ในเมนู Help

ปกติที่หน้าต่างของ IE หากเราคลิ้กเลือกไปที่ "Online Support" จากเมนู Help วินโดวส์จะทำการเปิดบราวเซอร์แล้วลิงค์ไปยังเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ ซึ่งถ้าเราต้องการจะเปลี่ยน URL สำหรับลิงค์นี้ ให้ไปที่อื่นนั้นสามารถทำได้โดย เปิด Registry ขึ้นมา แล้วไปยังพาร์ทของ System Key จากนั้นให้สร้างค่า String ขึ้นมาหรือแก้ไขไฟล์เก่าที่มีอยู่ ในส่วนของ Value Data โดยให้เปลี่ยนชื่อเว็บไซต์ตามที่ต้องการ

การตั้งค่าของ Registry
System Key: [HKEY_LOCAL_MACHINESOFTWAREMicrosoftInternet ExplorerHelp_Menu_Urls]
Value Name: Online_Support
Data Type: REG_SZ (String Value)
Value Data: Support URL

Note: หลังจากที่ปรับแต่งค่าแล้วอาจจะต้อง Log off ออกจากระบบหรือทำการ Restart เครื่องใหม่

7. เช็กการอัพเดตของ Internet Explorer



การแก้ไข registry ของ NoUpdateCheck

โดยปกติแล้ว ถ้าเป็น IE ตั้งแต่เวอร์ชัน 5 ขึ้นไป จะมีการคอยเช็คอัพเดตซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ๆ อยู่เสมอ แต่ถ้าเราต้องการกำหนดเอง ก็สามารถทำได้โดยไปที่ registry พาร์ทของ User key แล้วสร้าง DWORD หรือแก้ไขค่าเก่าที่ชื่อ "NoUpdateCheck" ให้มีค่าเป็น “1” แทน ซึ่งจะยกเลิกการอัพเดตอัตโนมัติ หรือใส่ค่าเป็น “0” ถ้าต้องการให้อัพเดตทำงาน

การตั้งค่าของ Registry
User Key: [HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftInternet ExplorerMain]
Value Name: NoUpdateCheck
Data Type: REG_DWORD (DWORD Value)
Value Data: (0 = enable checks, 1 = disable checks)

Note: Restart เครื่องหลังจากเปลี่ยนแปลงค่า

8. ควบคุม Error reporting



การแก้ไข Registry เพื่อควบคุม Error reporting

เมื่อมี error ที่เกิดขึ้นจากการพบข้อผิดพลาดของ Internet Explorer จะปรากฏหน้าต่าง Error reporting ขึ้นมา ซึ่งเราสามารถสั่งให้หน้าต่างดังกล่าวทำงานหรือไม่ทำงานก็ได้ โดยสามารถใช้ได้ใน Internet Explorer เวอร์ชัน 6 ขึ้นไป อันดับแรกให้เข้าไปที่ Registry พาร์ทของ System Key จากนั้นสร้าง DWORD ตัวใหม่ขึ้นมา ชื่อ "IEWatsonDisabled" แล้วเซตให้มีค่าเป็น "1" และสร้าง DWORD ขึ้นมาอีกหนึ่งตัว ให้มีชื่อเป็น "IEWatsonEnabled" โดยเซตให้มีค่าเป็น "0"

การตั้งค่าของ Registry
System Key: [HKEY_LOCAL_MACHINESoftwareMicrosoftInternet ExplorerMain]
Value Name: IEWatsonDisabled, IEWatsonEnabled
Data Type: REG_DWORD (DWORD Value)

Note: ต้อง Restart เครื่องเพื่อให้ค่าที่ได้เซตไว้ทำงาน

9. ควบคุม Script Debugger



การแก้ไข registry เพื่อควบคุมการทำงานของ Script debugger

เมื่อ Internet Explorer ตรวจพบข้อผิดพลาดบนเว็บเพจ ซึ่งอาจจะเป็น source code บางตัวที่มีปัญหา โปรแกรมจะเรียกหน้าต่าง script debugger ขึ้นมาเพื่อรายงงานปัญหาให้ทราบ หากเราต้องการแก้ไขว่าจะให้ Script debugger นี้ทำงานหรือไม่นั้น ให้เข้าไปที่ Registry แล้วไปที่พาร์ทของ User key จากนั้นสร้าง String ขึ้นมาหรือแก้ไขค่าเก่าที่ชื่อ "Disable Script Debugger" และเซตให้มีค่าเป็น "yes" เพื่อปิดการใช้งาน script debugger หรือใส่ค่าเป็น "no" ถ้าต้องการให้มันทำงานเหมือนเดิม

การตั้งค่าของ Registry
User Key: [HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftInternet ExplorerMain]
Value Name: Disable Script Debugger
Data Type: REG_SZ (String Value)
Value Data: yes or no

Note: Script debugger ไม่สามารถที่จะแก้ไข Script ให้ถูกต้องได้ เพียงแต่รายงานผลให้ทราบ ซึ่งมักจะทำให้ผู้ใช้รำคาญ

10. ทำการ Separate Process ให้กับ Internet Explorer

ปกติในกรณีที่เราเปิดโปรแกรม Internet Explorer ขึ้นมาจะมีค่าเท่ากับ Process ที่เกิดขึ้นมา 1 instance และถ้าเปิดหน้าต่างเพิ่มขึ้นก็ยังคงมีเพียง 1 instance เท่านั้น แต่การแก้ไขนี้จะช่วยแยก Process ออกจากกันทุกครั้งที่มีการเปิดหน้าต่าง IE ขึ้นมา วิธีการก็คือ ให้ไปที่ Registry เข้าไปยังพาร์ทของ User Key จากนั้นสร้าง String ขึ้นมาหรือแก้ไขค่าเก่าที่มีอยู่ ที่ชื่อ "BrowseNewProcess" แล้วเซตค่าภายในตามต้องการ ซึ่งถ้าเป็น “Yes” หมายถึงสั่งให้มันทำงาน (enabled ) และ “No” คือปิดการทำงาน (disabled )



                                 เปลี่ยนค่า BrowseNewProcess ให้กับ IE

การตั้งค่าของ Registry
User Key: [HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionExplorer BrowseNewProcess]
Value Name: BrowseNewProcess
Data Type: REG_SZ (String Value)
Value Data: Yes or No

Note: โดยปกติแล้ว ค่าภายใน BrowseNewProcess จะถูก enable หรือ disable โดยอัตโนมัตินั้นก็ขึ้นอยู่กับขนาดของ RAM ที่ติดตั้งอยู่ภายในเครื่อง ถ้าหากเครื่องคอมพิวเตอร์มี RAM น้อยกว่า 32 MB ก็จะถูก disable เอาไว้ไม่ให้ทำงาน แต่ถ้ามี RAM มากกว่าหรือเท่ากับ 32 MB ก็จะถูกเซตค่าเป็น enable คือให้ทำงาน

11. กำหนดพาร์ทสำหรับดาวโหลดไฟล์ให้ IE


                             การเปลี่ยนพาร์ทสำหรับเก็บไฟล์ดาวโหลดจาก IE

การตั้งค่านี้จะช่วยกำหนดพาร์ทที่ใช้เก็บไฟล์ซึ่งดาวโหลดผ่านทาง Internet Explorer ได้ตามต้องการ วิธีก็คือ ให้ไปที่พาร์ท User Key แล้วสร้าง String ขึ้นมา หรือแก้ไฟล์เก่าที่ชื่อ "Download Directory" จากนั้นเซตค่าภายในให้ชี้ไปยังพาร์ทที่ต้องการ จากตัวอย่างคือ “c:My files “

การตั้งค่าของ Registry
User Key: [HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftInternet Explorer]
Value Name: Download Directory
Data Type: REG_SZ (String Value)
Value Data: Qualified Directory

Note: โฟลเดอร์ที่จะกำหนดค่าใน Download Directory ควรจะเป็นโฟลเดอร์ที่มีอยู่จริง

12. Auto complete โหมดเพื่อการพิมพ์ ใน IE


                                        เซตค่าใน Append Completion เป็น yes

เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วจะทำให้มีคำแนะนำปรากฏขึ้น สำหรับข้อความที่คุณกำลังพิมพ์ถ้ามีประโยคหรือคำที่คล้ายคลึงกัน คุณสามารถใช้ตัวช่วยที่ปรากฏขึ้นได้เหมือนกับไมโครซอฟท์เวิร์ด ซึ่งจะทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ และช่วยให้คุณเติมเต็มประโยคได้อย่างรวดเร็ว สำหรับการตั้งค่าคือเปิด registry แล้วไปที่พาร์ท User key และสร้าง String ขึ้นมาหรือแก้ไขค่าเก่าที่ชื่อ "Append Completion" จากนั้นเซตค่าภายในเป็น"yes" เพื่อให้โหมด auto complete ทำงาน แต่ถ้าพิมพ์ "no" จะแสดงเฉพาะ drop-down list.

การตั้งค่าของ Registry
User Key: [HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionExplorer AutoComplete]
Value Name: Append Completion
Data Type: REG_SZ (String Value)
Value Data: yes or no

Note: ปกติแล้ว Internet Explorer จะตั้งค่าเป็น no คือ เมื่อพิมพ์ไปแล้วถ้าเคยมีข้อความพิมพ์ไว้จะปรากฏเป็น drop down list ให้เราได้เลือก 


ที่มา : http://goo.gl/GB1mHw

วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2557

คุณลักษณะของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะนำมาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

คอมพิวเตอร์  เป็นอุปกรณ์ที่รับข้อมูลต่างๆไปจาก อินเตอร์เน็ตสำหรับคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสมกับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ถ้าเป็นเครื่อง  PC    ควรจะใช้เครื่องในระดับ  Pentium ที่มีระบบปฏิบัติการ  ตั้งแต่  Windows 95 ขึ้นไป  แต่ถ้าเป็นเครื่องแมคอินทอชนั้นควรใช้  System  7   ขึ้นไป  และควรมีหน่วยความจำตั้งแต่  16  MB  ขึ้นไป     







ที่มา : https://sites.google.com/site/sarsnthes2554/homework1/xupkrn-ni-kar-cheuxm-tx-xintexrnet


หน้าที่และประเภทของโมเด็ม


โมเด็ม(Modems)
เป็นอุปกรณ์สำหรับคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งที่ช่วยให้คุณสัมผัสกับโลกภายนอกได้อย่างง่ายดาย โมเด็มเป็นเสมือนโทรศัพท์สำหรับคอมพิวเตอร์ที่จะช่วยให้ระบบคอมพิวเตอร์ของคุณสามารถสื่อสารกับคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้ทั่วโลก โมเด็มจะสามารถทำงานของคุณให้สำเร็จได้ก็ด้วยการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ของคุณเข้าคู่สายของโทรศัพท์ธรรมดาคู่หนึ่งซึ่งโมเด็มจะทำการแปลงสัญญาณดิจิตอล (digital signals) จากเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณอนาล็อก (analog signals) เพื่อให้สามารถส่งไปบนคู่สายโทรศัพท์

โมเด็ม มาจากคำว่า MOdulator/DEModulator โดยแยกการทำงานออกเป็น Modulation คือการแปลงสัญญาณดิจิตอล จากเครื่องคอมพิวเตอร์ ต้นทางให้กลายเป็นสัญญาณอะนาลอกแล้วส่งไปตามสายโทรศัพท์ และ Demodulation คือการเปลี่ยนจากสัญญาณอะนาลอก ที่ได้จากสายโทรศัพท์ให้กลับไปเป็นสัญญาณดิจิตอล เพื่อส่งต่อไปยัง เครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทาง สัญญาณจากคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณ Digital มีแค่ 0 กับ 1 เท่านั้น เมื่อเปลี่ยนมาเป็นสัญญาณอะนาลอกอยู่ในรูปที่คล้ายกับสัญญาณไฟฟ้าของ โทรศัพท์ จึงส่งไปทางสายโทรศัพท์ได้

โมเด็มแต่ละประเภทจะมีคุณลักษณะที่แตกต่างกันดังนี้

1. ความเร็วในการรับ – ส่งสัญญาณ
ความเร็วในการรับ – ส่งสัญญาณ หมายถึง อัตรา (rate) ที่โมเด็มสามารถทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับโมเด็มอื่นๆมีหน่วยเป็น บิต/วินาที (bps) หรือ กิโลบิต/วินาที (kbps) ในการบอกถึงความเร็วของโมเด็มเพื่อให้ง่ายในการพูดและจดจำ มักจะตัดเลขศูนย์ออกแล้วใช้ตัวอักษรแทน เช่น โมเด็ม 56,000 bps จะเรียกว่า โมเด็มขนาด 56 K

2. ความสามารถในการบีบอัดข้อมูล
ข้อมูลข่าวสารที่ส่งออกไปบนโมเด็มนั้นสามารถทำให้มีขนาดกะทัดรัดด้วยวิธีการบีบอัดข้อมูล (compression) ทำให้สามารถส่งข้อมูลได้ครั้งละเป็นจำนวนมากๆ เป็นการเพิ่มความเร็วของโมเด็มในการรับ – ส่งสัญญาณ

3. ความสามารถในการใช้เป็นโทรสาร
โมเด็มรุ่นใหม่ๆ สามารถส่งและรับโทรสาร (Fax capabilities) ได้ดีเช่นเดียวกับการรับ – ส่งข้อมูล หากคุณมีซอฟท์แวร์ที่เหมาะสมแล้วคุณสามารถใช้แฟคซ์โมเด็มเป็นเครื่องพิมพ์(printer)ได้เมื่อคุณพิมพ์เข้าไปที่แฟคซ์โมเด็มมันจะส่งเอกสารของคุณไปยังเครื่องโทรสารที่ปลายทางได้

4. ความสามารถในการควบคุมความผิดพลาด
โมเด็มจะใช้วิธีการควบคุมความผิดพลาด (error control) ต่างๆ มากมายหลายวิธีในการตรวจสอบเพื่อการยืนยันว่าจะไม่มีข้อมูลใดๆสูญหายไประหว่างการส่งถ่ายข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง

5. ออกแบบให้ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอก
โมเด็มที่จำหน่ายในท้องตลาดทั่วๆ ไปจะมี 2 รูปแบบ คือ โมเด็มแบบติดตั้งภายนอก (external modems) และ แบบติดตั้งภายใน (internal modems)

6. ใช้เป็นโทรศัพท์ได้
โมเด็มบางรุ่นมีการใส่วงจรโทรศัพท์ธรรมดาเข้าไปพร้อมกับความสามารถในการรับ – ส่งข้อมูลและโทรสารด้วย

โมเด็ม(Modems) สามารถแบ่งการใช้งานออกได้เป็น 3 อย่างคือ
1. Internal
2. External
3. PCMCIA

1.Internal Modem
Internal Modem เป็นโมเด็มที่มีลักษณะเป็นการ์ดเสียบกับสล็อตของเครื่องอาจจะเป็นแบบ ISA หรือPCI ข้อดีก็คือ ไม่เปลืองเนื้อที่ ราคาไม่แพงมากนัก ใช้ไฟเลี้ยงจาก Mainboard ข้อเสียคือ ติดตั้งยากกว่าแบบภายนอก เนื่องจากติดตั้งภายในเครื่องทำให้ใช้ไฟในเครื่องอันส่งผลให้เพิ่มความร้อน ในเครื่อง เคลื่อนย้ายได้ไมสะดวกยาก ใช้ได้เฉพาะเครื่องคอมแบบ PC เท่านั้นไม่สามารถใช้งานกับ NoteBook ได้




2.External Modem
External Modem เป็นโมเด็มที่ติดตั้งภายนอกโดยจะต่อกับ Serial Port โดยใช้หัวต่อที่เป็น DB-25 หรือ DB-9 ต่อกับ Com1, Com2 หรือ USB ข้อดีคือ สามารถเคลื่อนย้ายไปใช้กับเครื่องอื่นได้ ติดตั้งได้ง่าย ไม่เพิ่มความร้อนให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เนื่องจากติดตั้งอยู่ภายนอกและใช้แหล่งจ่ายไฟภายนอก สามารถใช้ งานกับเครื่อง NoteBook ได้เนื่องจากต่อกับ Serial Port หรือ Parallel Port มีไฟแสดง สภาวะการทำงานของโมเด็ม ข้อเสีย มีราคาค่อนข้างสูง เกิดปัญหาจากสายต่อได้ง่าย ในการเลือกใช้จึงต้องดูหลายประการเช่น ความสะดวกในการใช้งาน คอมพิวเตอร์ เป็นรุ่นเก่า ก็ควรใช้แบบ internal และหากมีแต่ Slot ISA ก็ต้องเลือกแบบ ISA Internal หากต้องการเคลื่อนย้ายไปใช้กับ เครื่องอื่นอยู่เรื่อยก็ต้องใช้แบบภายนอก หากให้สะดวกก็ควรเป็น แบบ Internal ครับจะได้ความไวที่ โดยมากจะสูงกว่าแบบภายนอก มีปัจจัยหลายอย่างในการเลือกต้องดูด้วยว่า ISP (Internet Service Provider) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ที่คุณใช้นั้นรองรับ มาตรฐาน V.90 ข้อเสียของโมเด็มรุ่นใหม่ ๆ ที่มีราคาถูกที่เป็น Internal PCI คือผู้ผลิดเขาจะตัดชิพที่ ทำหน้าที่ ตรวจสอบความผิดพลาด แก้ไขสัญญาณรบกวน (Error Correction) ที่มีมาก ในสายโทรศัพท์ในบางที่ แล้วไปใช้ความสามารถของซีพียูมาทำหน้าที่นี้แทน ทำให้เกิดการใช้ งานซีพียูเพิ่มมากขึ้นทำให้ความเร็วของ เครื่องลดลง หรือสัญญาณโทรศัพท์อาจตัดหรือ เรียกว่าสายหลุดได้ สำหรับคุณสมบัติ ที่ควรมีของโมเด็มคือ DSVD ที่ทำให้โมเด็มสามารถส่งผ่าน ข้อมูล Voice และ Data ได้ในขณะเดียวกันได้โดยความ เร็วไม่ลดลง และดูสิ่งที่ให้มาด้วยเช่น ซอฟท์แวร์ต่าง ๆ รวมทั้งดูว่าสามารถใช้อ่านอื่น ๆ ได้เช่น Fax, Voice, Mail และ Call ID เป็นต้น



3.PCMCIA
เป็น Card ที่ใช้งานเฉพาะ โดยใช้กับ Notebook เป็น Card เสียบเข้าไปในช่องสำหรับเสียบ Card โดยเฉพาะสะดวกในการพกพา ในปัจจุบัน Modem สำหรับ Notebook จะติดมาพร้อมกันอยู่แล้วทำให้ความนิยมในการใช้ Card Modem ชนิดนี้ลดน้อยลง







ที่มา : http://krutarinee.wordpress.com/โลกอินเทอร์เน็ต/การเชื่อมต่ออินเทอร์เน/โมเด็มmodems/


คุณสมบัติของโปรแกรมต่าง ๆที่มีความสำคัญในการใช้อินเทอร์เน็ต


            เมื่อมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแล้ว   ก็ต้องมีโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์สำหรับใช้ในการปฏิบัติงานอินเทอร์เน็ต   โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์   หมายถึงชุดคำสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน ดังนั้นโปรแกรมต่างๆ เหล่านี้   ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสามารถทำให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้  สำหรับโปรแกรมที่มีความสำคัญในการใช้งานอินเทอร์เน็ตประกอบด้วย   5   ประเภท   ดังต่อไปนี้



1.โปรแกรมเว็บบราวน์เซอร์
โปรแกรมเว็บบราวน์เซอร์  คือ โปรแกรมที่ใช้ในการเปิดเว็บเพจต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตโปรแกรมนี้จะมีความสามารถมากมายที่จะเป็นประโยชน์ในการท่องเว็บ และโปรแกรมเว็บบราวน์เซอร์เปรียบเสมือนตัวแปลภาษา เพราะเว็บเพจ         เหล่านั้นจะใช้รูปแบบคำสั่งภาษา Html โปรแกรมเว็บบราวน์จะแปลคำสั่งต่างๆ มาแสดงผลทางจอภาพ

     โปรแกรมเว็บบราวน์เซอร์มีหลายชนิด เช่น  Netscape internet explorer, opera firefoxc เป็นต้น แต่ที่รู้จักดีและเป็นที่นิยมใช้งานมากที่สุด คือ internet expolrer






2.โปรแกรมมัลติมีเดียบนอินเตอร์เน็ต
โปรแกรมมัลติมีเดียที่ใช้งานบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียง วีดิทัศน์ เป็นต้น ดังนั้นเพื่อการสนับสนุนการทำงานในรูปแบบมัลติมีเดียของระบบเครื่อข่ายอินเทอร์เน็ตจะต้องคิดตั้งโปรแกรมประเภทนี้ไว้ ทำให้ผู้ใช้สามารถรับข้อมูลประเภทมะลติมีเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปรแกรมมัลติมีเดียที่ได้รับความนิยมสำหรับการใช้งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เช่น โปรแกรม  real  audio,   windows  media player,  real  player   เป็นต้น



3.โปรแกรมสำหรับการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ต
โปรแกรมสำหรับการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ต   เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับการสื่อสารระหว่างผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วยกัน ในรูปแบบของการพิมพ์ข้อความโต้ตอบ  ที่เรียกว่าการ  Chat  รูปแบบของเสียงโดยการพูดคุยผ่านไมโครโฟน  และในปัจจุบันได้มีโปรแกรมสำหรับการสื่อสารโดยสามารถมองเห็นภาพและพูดคุยด้วยเสียงระหว่างคู่สนทนาได้  เป็นการสื่อสารแบบทางไกล  เช่น  โปรแกรม msn messenger,  yahoo,  e-buddy  เป็นต้น



4.โปรแกรมรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
          โปรแกรมรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ทำหน้าที่เก็บข้อมูลจดหมายโดยสร้างโฟลเดอร์สำหรับเก็บจดหมายไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา   โปรแกรมจะทำการดึงจดหมายของเราจากเครื่อง  mail server  มาไว้ในโฟลเดอร์ที่สร้างไว้  เพื่อเรียกอ่านจดหมายได้ตลอดเวลา  แม้ในขณะที่ได้ทำการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต  โปรแกรมรับส่งจดหมายที่นิยม เช่น  microsoft  outlook , microsoft outlook  exprere  เป็นต้น



5.โปรแกรมระบบปฏิบัติการ
โปรแกรมระบบปฏิบัติการ  เป็นโปรแกรมที่จำเป็นมากสำหรับการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกชนิด  เพราะ  จะเป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่จัดสรรทรัพยากรต่างๆ ในระบบ  เช่น  เครื่องพิมพ์  โมเด็ม  และจอภาพโปรแกรมระบบปฏิบัติการยังทำให้ผู้ใช้สามารถปฏิบัติงานกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้   ดังนั้นถ้าคอมพิวเตอร์ใดไม่มีโปรแกรมระบบปฏิบัติการ  เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นจะไม่สามารถปฏิบัติงานได้  และโปรแกรมระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ  microsoft windows  เช่น  windows xp , windows vista  , windows 7, และ  windows 8  เป็นต้น




ที่มา : https://sites.google.com/site/41439nicharee/porkaerm-thi-chi-ngan-ni-xinthexrnet