วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

โปรโตคอลสำหรับการรับส่งอีเมล

การทำงานทั่วๆไปของอีเมล์โดยสรุปมีเพียง 2 ประเภท คือการส่งอีเมลล์ และการรับอีเมลล์ โดย    โปรโตคอล SMTP(Simple Mail Transfer Protocol) จะใช้จะที่User agent ส่งอีเมลล์มาที่MTA (เฉพาะแบบoffline)และใช้ขณะรับและส่งอีเมล์ระหว่างMTA(Mail Transfer Agent) ด้วยกัน สำหรับการใช้เมล์แบบ offline คือเครื่องที่ผู้ใช้ใช้อ่านเมล์ไม่ได้ต่อกับเครื่องที่มีเมลล์บ็อกซ์ตลอดเวลา อาจเลือกดาวน์โหลดเมล์มาเก็บไว้ที่เครื่องของตัวเอง โดยจะมีโปรโตคอลที่เกี่ยวข้องอยู่ 2 แบบ คือ โปรโตคอลPop(Post Office Protocol) และIMAP(Internet Message Access Protocol) ซึ่งจะทำหน้าที่ดาวน์โหลดหรืออัพโหลดอีเมล์จากเครื่องของผู้ใช้ไปยังเครื่องที่มีMTA อยู่


องค์ประกอบและโปรโตคอลต่างๆที่ใช้งานอยู่ในระบบการทำงานของอีเมลล์




POP3(Post Office Protocol)

POP เป็นโปรโตคอลที่ทำหน้าที่โหลดอีเมลล์มาจากMTA ไปยัง User Agent ซึ่งในปัจจุบันได้พัฒนามาจนถึงเวอร์ชั่นที่3 แล้ว โปรโตคอลนี้เป็นตัวแรกที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้รับอีเมล์ และเพื่อให้สนับสนุนการทำงานในแบบoffline โดยจะติดต่อเข้าไปยังเมล์เซิร์ฟเวอร์แล้วดาวน์โหลดอีเมล์ทั้งหมดมาไว้ที่ User Agent จากนั้นจะลบอีเมล์ที่เซิร์ฟเวอร์นั้นทิ้งไป เพื่อป้องกันการดาวน์โหลดซ้ำ แต่ผู้ใช้จะทำงานแบบOnline กับ เซิร์ฟเวอร์ไม่ได้ เนื่องจากการอ่านอีเมล์จะดึงอีเมล์ที่เก็บไว้ในUser Agent ขึ้นมาให้อ่านหลังจากที่ดาวน์โหลดมาเก็บไว้ ซึ่งในขณะนั้นอาจจะไม่ได้ออนไลน์อยู่กับเน็ตเวิร์กก็ได้

โปรโตคอลของPOP3 จะทำงานในแบบไคลเอนต์เซิร์ฟเวอร์ คือมีโปรแกรมPOP server ในเมล์เซิร์ฟเวอร์ และPOP Client ในเครื่องผู้รับ ซึ่งปกติจะฝังอยู่ในโปรแกรมที่เป็นUser Agent เลย โปรแกรมทั้งสองจะติดต่อกันโดยใช้ชุดคำสั่งที่เป็นรหัสASCII

การทำงานของPOP3 จะทำงานร่วมกับโปรโตคอลTCP โดยทั่วไปจะใช้พอร์ต 110 ในการติดต่อ ขั้นตอนการทำงานของPOP3 จะมี3สถานะคือ

1.สถานะขออนุมัติ –เมื่อเริ่มต้นติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์จะเป็นการเข้าสู่สถานะการขออนุมัติ โยไคลเอนต์จะต้องแจ้งชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน(Password) เพื่อขออนุมัติจากเซิร์ฟเวอร์ก่อน โดยไคลเอนต์จะใช้คำสั่งUSER เพื่อระบุชื่อผู้ใช้ หรือคำสั่ง PASS เพื่อกำหนด Password แต่ในกรณีที่ชื่อและ Password ถูกเข้ารหัสไว้ และไม่ได้เป็นค่าASCII ทั่วไปไคลเอนต์จะใช้คำสั่ง APOP ทำงานแทนคำสั่ง USER และ PASS

2.สถานะรับส่งรายการ - หลังจากที่ได้รับอนุมัติจากเซิร์ฟเวอร์แล้ว ก็จเข้าสู่สถานะที่ใช้คำสั่งในการทำงานต่างๆ

3.สถานะปรับปรุงข้อมูล – เมื่อ User Agent เลิกใช้งานด้วยคำสั่งQUIT ของPOP3 เซิร์ฟเวอร์ก็จะเข้าสู่สถานะปรับปรุงข้อมูล เพื่อลบอีเมล์ที่ดาวน์โหลดเรียบร้อยแล้วออกไป จากนั้นก็จะเข้าสู่สถานะขออนุมัติใหม่โดยอัตโนมัติ เพื่อรอรับการทำงานครั้งต่อไป

 

ที่มา : http://wich246.tripod.com/pop3.htm

รูปแบบของอีเมล และอีเมลแอดเดรส

E-mail address : ที่อยู่การส่ง E-mail
  • @ domain name
  • ต้องไม่มี  ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่,  เว้นวรรค
  • มีส่วนประกอบ 3 ส่วน

    • Username : ชื่อผู้ใช้
    • เครื่องหมาย : @  เรียกว่า assign  อ่านออกเสียงว่า “at”
    • domain name : ชื่อสถานีรับ-ส่ง E-mail
E-mail คือ จดหมาย ที่ใช้รับส่งกันโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ บางแห่งใช้เฉพาะภายใน บางแห่งใช้เฉพาะภายนอกองค์กร (สาหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกคือ Internet) การใช้งานก็เหมือนกับเราพิมพ์ข้อความในโปรแกรม Word จากนั้นก็คลิกคาสั่ง เพื่อส่งออกไป โดยจะมีชื่อของผู้รับ ซึ่งเราเรียกว่าEmail Address เป็นหลักในการรับส่ง





ที่มา : http://mypondd09.wordpress.com/2013/12/02/รูปแบบของอีเมลและอีเมล/

ประเภทของอีเมล

อี-เมล์ (E-mail) ย่อมาจาก Electronic mail (แปลว่า ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์) หมายถึงการสื่อสารหรือการส่งข้อความ โน้ต หรือบันทึกออกจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ผ่านไปเข้าเครื่องปลายทาง (Terminal) หรือเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งโดยส่งผ่านทางระบบเครือข่าย (Network) ผู้ส่งจะต้องมีเลขที่อยู่ (E-mail address) ของผู้รับ และผู้รับก็สามารถเปิดคอมพิวเตอร์เรียกข่าวสารนั้นออกมาดูเมื่อใดก็ได้ โดยปกติ จะไม่มีการพิมพ์ข้อความหรือข่าวสารนั้นลงแผ่นกระดาษ นับว่าเป็นการประหยัดกระดาษไปได้ส่วนหนึ่ง โดยทั่วไป ถือกันว่าเป็นงานส่วนหนึ่งของสานักงานอัตโนมัติ (Office automation) ปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอันมาก
E-mail คือ จดหมาย ที่ใช้รับส่งกันโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ บางแห่งใช้เฉพาะภายใน บางแห่งใช้เฉพาะภายนอกองค์กร (สาหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกคือ Internet) การใช้งานก็เหมือนกับเราพิมพ์ข้อความในโปรแกรม Word จากนั้นก็คลิกคาสั่ง เพื่อส่งออกไป โดยจะมีชื่อของผู้รับ ซึ่งเราเรียกว่า Email Address เป็นหลักในการรับส่ง
ประเภทของ e-mail

e-mail มี  3  ประเภท  คือ

1. POP  (Post Office Protocol Version) POP จะมีการทำงานในแบบที่เรียกว่า Offline Model กล่าวคือเวลาทำงาน E-mail Client จะเชื่อมต่อกับ Mail Server จากนั้นจะ Download และลบ E-mail ออกจาก Server หรือ Download เพียงอย่างเดียวแล้วทิ้ง E-mail ไว้บน Server ภายหลังจากที่ E-mail ถูก Download มาที่เครื่อง Client เรียบร้อยแล้ว Client จะตัดการเชื่อมต่อออกจาก Server หลังจากนั้น E-mail จะถูก Process ที่เครื่อง Client ทั้งหมด ข้อได้เปรียบของการทำงานแบบนี้ก็คือ Client แต่ละเครื่องใช้เวลาในการเชื่อมต่อกับเครื่อง Mail Server น้อยมากอีกทั้งยังต้องการเนื้อที่เก็บ E-mail บน Server น้อยด้วยเช่นกัน แต่ข้อเสียก็คือไม่สามารถอ่าน E-mail จาก Client เครื่องอื่นได้อีกหากว่าเรา Set ให้ลบ Mail บน Server หลังจาก Download เสร็จ หรือ ไม่สามารถบอกได้ว่า Mail ฉบับไหนเคยอ่านไปแล้วบ้าง หากเรา Set ค่าแบบ ให้ทิ้ง E-mail ไว้บน Server อีกประการหนึ่งคือเครื่อง Client จะต้องมีประสิทธิภาพสูงเนื่องจากเป็นผู้ Process E-mail ด้วยตนเอง

2. IMAP  (Internet Message Access Protocol Version) IMAP จะมีการทำงานในแบบที่เรียกว่า Online Model ผสานกับ Disconnected Model กล่าวคือ การจัดการและการ Process E-mail ทั้งหมดจะถูกจัดการที่ Server เพียงอย่างเดียว Client มีหน้าที่เพียงแค่อ่าน E-mail หรือส่งคำสั่งไป Process E-mail บน Server เท่านั้น แบบนี้มีข้อดีก็คือท่านสามารถอ่าน E-mail จากที่ใดก็ได้ เนื่องจาก E-mail จะถูกเก็บอยู่ใน Server เสมอ และจะมีสถานะบอกด้วยว่า E-mail ฉบับใดมาใหม่ ฉบับใดมีการอ่านหรือตอบกลับไปแล้ว แต่ข้อเสียก็คือ Server จะต้องเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูง และในระหว่างการอ่านหรือ Process E-mail เครื่อง Client จะต้องเชื่อมต่อกับ Server ตลอดเวลา ดังนั้นจึงทำงานได้ช้ากว่าแบบ POP

3. WEB Based Web Base Mail เช่น อีเมล์ของ hotmail.com, chaiyo.com ซึ่งหากต้องการใช้งานอีเมล์เหล่านี้ จะต้องใช้งานโดยผ่านทางเว็บบราวเซอร์ เช่น Internet Explorer, Firefox ก็สามารถเข้าเช็คอีเมล์หรือเขียนอีเมล์ได้อย่างสะดวก ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเสมอไป เพราะโปรแกรมอีเมล์ดังกล่าวได้ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี Web-based Application ที่ใช้โปรแกรมเว็บบราวเซฮร์เป็นเครื่องมือในการเปิดโปรแกรมใช้งาน จึงทำให้โปรแกรมอีเมล์สามารถทำงานได้เหมือนกับการเข้าไปดูเว็บไซต์ทั่วไป





ที่มา : http://natnareesweet.blogspot.com/2011/12/3.html

ขั้นตอนของการใช้บริการอีเมล

อีเมล (ชื่อย่อของ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์) เป็นวิธีที่รวดเร็วและสะดวกในการติดต่อกับผู้อื่น คุณสามารถใช้อีเมลในการ

  • ส่งและรับข้อความ คุณ สามารถส่งข้อความอีเมลไปให้บุคคลใดก็ได้ที่มีที่อยู่อีเมล ข้อความนั้นจะเข้าไปอยู่ในกล่องอีเมลขาเข้าของผู้รับภายในไม่กี่วินาทีหรือ ไม่กี่นาที ไม่ว่าเขาหรือเธอจะเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่หลังถัดไป หรือใครก็ตามที่อยู่ไกลถึงครึ่งค่อนโลก คุณสามารถรับข้อความจากบุคคลใดก็ตามที่ทราบที่อยู่อีเมลของคุณ จากนั้นคุณก็อ่านแล้วตอบกลับข้อความเหล่านั้น
  • ส่งและรับแฟ้ม นอกจาก ข้อความอีเมลที่เป็นข้อความทั่วไปแล้ว คุณยังสามารถส่งแฟ้มชนิดใดก็ได้เกือบทุกชนิดในข้อความอีเมล รวมทั้งเอกสาร รูปภาพ และเพลง แฟ้มที่ส่งมาในข้อความอีเมลเรียกว่า สิ่งที่แนบมา
  • ส่งข้อความไปยังกลุ่มบุคคล คุณสามารถส่งข้อความอีเมลไปให้ผู้รับหลายคนพร้อมกัน ในขณะที่ผู้รับสามารถตอบกลับไปยังกลุ่มทั้งกลุ่มได้ ซึ่งทำให้เกิดการอภิปรายกลุ่ม
  • ส่งต่อข้อความ เมื่อคุณได้รับข้อความอีเมล คุณสามารถส่งต่อไปให้ผู้อื่นได้โดยไม่ต้องพิมพ์ข้อความนั้นใหม่

ข้อดีอย่างหนึ่งของอีเมลเมื่อเปรียบเทียบกับโทรศัพท์ หรือจดหมายทั่วไปก็คือความสะดวกในการใช้งาน คุณสามารถส่งข้อความในเวลาใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ถ้าผู้รับไม่อยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือไม่ได้ ออนไลน์ (เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต) ในขณะที่คุณส่งข้อความ ผู้รับจะพบอีเมลรออยู่ในเวลาต่อมาที่ตรวจสอบอีเมล ในกรณีที่ผู้รับออนไลน์อยู่ คุณอาจได้รับการตอบกลับภายในไม่กี่นาที

นอกจากนี้ การส่งอีเมลยังไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ด้วย ซึ่งต่างกับการส่งจดหมายทั่วไป เพราะการส่งอีเมลไม่จำเป็นต้องมีแสตมป์หรือเสียค่าธรรมเนียม และไม่ต้องกังวลว่าผู้รับจะอยู่ที่ใด ค่าใช้จ่ายที่คุณต้องจ่ายมีเพียงค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือ โปรแกรมอีเมลบางโปรแกรมเท่านั้น



ที่มา : http://windows.microsoft.com/th-th/windows/getting-started-email#getting-started-email=windows-7

การเขียนและการส่งจดหมาย




ข้อความอีเมลตัวอย่าง

ต่อไปนี้คือวิธีการใส่ข้อมูลลงในหน้าต่างข้อความของโปรแกรมอีเมลส่วนใหญ่ ขั้นตอนเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับโปรแกรมอีเมลหรือบริการบนเว็บที่คุณกำลังใช้งาน

    1. ในช่อง ถึง พิมพ์ที่อยู่อีเมลของผู้รับอย่างน้อยหนึ่งราย ในกรณีที่คุณกำลังจะส่งข้อความไปยังผู้รับหลายราย ให้พิมพ์เครื่องหมายอัฒภาค (;) คั่นระหว่างที่อยู่อีเมล

    ในช่อง สำเนาถึง คุณสามารถพิมพ์ที่อยู่อีเมลของผู้รับลำดับที่สอง ซึ่งก็คือบุคคลที่ควรทราบเกี่ยวกับข้อความอีเมลนั้น แต่ไม่จำเป็นต้องกระทำการใดๆ เกี่ยวกับอีเมลนั้น ผู้รับลำดับที่สองจะรับข้อความเดียวกับที่บุคคลในช่อง ถึง ได้รับ ถ้าไม่มีผู้รับลำดับที่สอง ให้ปล่อยให้ช่องนั้นว่างไว้ โปรแกรมอีเมลบางโปรแกรมยังมีเขตข้อมูล สำเนาลับถึง ซึ่งช่วยให้คุณสามารถส่งข้อความไปยังบุคคลต่างๆ โดยซ่อนชื่อและที่อยู่อีเมลที่ระบุไม่ให้ผู้รับอื่นๆ เห็นได้

   2. ในช่อง เรื่อง ให้พิมพ์ชื่อเรื่องสำหรับข้อความของคุณ

   3. ส่วนในพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ ให้พิมพ์ข้อความของคุณ

    เมื่อต้องการแนบแฟ้มไปกับข้อความ ให้คลิกปุ่ม แนบแฟ้มรูปภาพของปุ่ม 'แนบแฟ้มกับข้อความ' บนแถบเครื่องมือ (อยู่ด้านล่างของแถบเมนู) ให้ค้นหาแฟ้มที่ต้องการจะแนบ เลือกแฟ้มนั้น แล้วคลิก เปิด ขณะนี้แฟ้มดังกล่าวจะปรากฏในช่อง แนบ ที่ส่วนหัวของข้อความ


 แฟ้มที่แนบไปกับข้อความอีเมล

คุณทำเสร็จแล้ว! เมื่อต้องการส่งข้อความ ให้คลิกปุ่ม ส่ง ข้อมูลจะถูกส่งผ่านทางอินเทอร์เน็ตไปยังผู้รับของคุณ

หมายเหตุ

    เมื่อต้องการเปลี่ยนลักษณะแบบอักษร ขนาด หรือสีของข้อความ ให้เลือกข้อความ แล้วคลิกปุ่มใดปุ่มหนึ่งหรือรายการเมนูรายการใดรายการหนึ่งที่ช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนการจัดรูปแบบข้อความได้


ที่มา : http://windows.microsoft.com/th-th/windows/getting-started-email#getting-started-email=windows-7

การเขียนและการส่งจดหมาย




ข้อความอีเมลตัวอย่าง

ต่อไปนี้คือวิธีการใส่ข้อมูลลงในหน้าต่างข้อความของโปรแกรมอีเมลส่วนใหญ่ ขั้นตอนเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับโปรแกรมอีเมลหรือบริการบนเว็บที่คุณกำลังใช้งาน

    1. ในช่อง ถึง พิมพ์ที่อยู่อีเมลของผู้รับอย่างน้อยหนึ่งราย ในกรณีที่คุณกำลังจะส่งข้อความไปยังผู้รับหลายราย ให้พิมพ์เครื่องหมายอัฒภาค (;) คั่นระหว่างที่อยู่อีเมล

    ในช่อง สำเนาถึง คุณสามารถพิมพ์ที่อยู่อีเมลของผู้รับลำดับที่สอง ซึ่งก็คือบุคคลที่ควรทราบเกี่ยวกับข้อความอีเมลนั้น แต่ไม่จำเป็นต้องกระทำการใดๆ เกี่ยวกับอีเมลนั้น ผู้รับลำดับที่สองจะรับข้อความเดียวกับที่บุคคลในช่อง ถึง ได้รับ ถ้าไม่มีผู้รับลำดับที่สอง ให้ปล่อยให้ช่องนั้นว่างไว้ โปรแกรมอีเมลบางโปรแกรมยังมีเขตข้อมูล สำเนาลับถึง ซึ่งช่วยให้คุณสามารถส่งข้อความไปยังบุคคลต่างๆ โดยซ่อนชื่อและที่อยู่อีเมลที่ระบุไม่ให้ผู้รับอื่นๆ เห็นได้

   2. ในช่อง เรื่อง ให้พิมพ์ชื่อเรื่องสำหรับข้อความของคุณ

   3. ส่วนในพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ ให้พิมพ์ข้อความของคุณ

    เมื่อต้องการแนบแฟ้มไปกับข้อความ ให้คลิกปุ่ม แนบแฟ้มรูปภาพของปุ่ม 'แนบแฟ้มกับข้อความ' บนแถบเครื่องมือ (อยู่ด้านล่างของแถบเมนู) ให้ค้นหาแฟ้มที่ต้องการจะแนบ เลือกแฟ้มนั้น แล้วคลิก เปิด ขณะนี้แฟ้มดังกล่าวจะปรากฏในช่อง แนบ ที่ส่วนหัวของข้อความ


 แฟ้มที่แนบไปกับข้อความอีเมล

คุณทำเสร็จแล้ว! เมื่อต้องการส่งข้อความ ให้คลิกปุ่ม ส่ง ข้อมูลจะถูกส่งผ่านทางอินเทอร์เน็ตไปยังผู้รับของคุณ

หมายเหตุ

    เมื่อต้องการเปลี่ยนลักษณะแบบอักษร ขนาด หรือสีของข้อความ ให้เลือกข้อความ แล้วคลิกปุ่มใดปุ่มหนึ่งหรือรายการเมนูรายการใดรายการหนึ่งที่ช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนการจัดรูปแบบข้อความได้

องค์ประกอบภายในกล่องจดหมาย



เมนูด้านซ้าย: กดลิงค์ กล่องจดหมายที่เมนูด้านซ้าย เมนูด้านซ้ายนี้เป็นส่วนที่เป็นโครงสร้างของบัญชีในการจัดเก็บข้อมูล นอกจากกล่องจดหมาย แล้วยังมีกลุ่มของจดหมายดังนี้

ติดดาว : คือรายการจดหมายที่เลือกให้ติดดาวไว้เพื่อจัดแยกหมวดหมู่ของจดหมาย
การแชท: คือรายการการสนทนาผ่าน Google Talk ที่ผ่านมาแล้ว
จดหมายที่ส่งแล้ว: คือรายการจดหมายที่ถูกส่งออกไปแล้ว
ร่างจดหมาย: คือรายการจดหมายที่เขียนและบันทึกเป็นร่างจดหมายไว้
จดหมายทั้งหมด: คือรายการจดหมายทั้งหมดรวมทั้งที่เก็บลงฐานข้อมูล(Archive)ไว้ด้วย
จดหมายขยะ: คือรายการจดหมายที่ถูกตรวจสอบจากระบบว่าเป็น SPAM
ถังขยะ: คือรายการจดหมายที่ถูกลบ
การค้นหา: แบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้
ค้นหาจดหมาย: สามารถใช้ฟังก์ชั่นเพื่อค้นหาจดหมายได้โดยใส่ข้อความที่เฉพาะเจาะจงในการค้นหาแล้วกดปุ่ม ‘ค้นหาจดหมาย
ค้นหาในเว็บ: สามารถใช้ฟังก์ชั่นเพื่อค้นหาข้อมูลในเว็บได้โดยใส่ข้อความที่เฉพาะเจาะจงในการค้นหาแล้วกดปุ่ม ‘ค้นหาในเว็บ


ทีมา : https://sites.google.com/site/wachirayannamatee/contact-me

การอ่านจดหมาย

โปรแกรมอีเมลและบริการอีเมลบนเว็บส่วนใหญ่มีกล่องขาเข้าที่คุณสามารถอ่านข้อความที่คุณได้รับ คุณอาจต้องคลิกปุ่มที่มีข้อความว่า ส่ง/รับ หรือข้อความอื่นที่คล้ายกันเพื่อรับข้อความใหม่ เมื่อต้องการดูรายการอีเมลที่คุณได้รับ ให้คลิก กล่องขาเข้า ในรายการ โฟลเดอร์ ของโปรแกรมอีเมลของคุณ ข้อความอีเมลของคุณจะปรากฏอยู่ในรายการข้อความ รายการนี้จะแสดงชื่อผู้ส่งอีเมล เรื่อง และเวลาที่ได้รับอีเมล

เมื่อต้องการอ่านข้อความ ให้คลิกที่ข้อความนั้นในรายการข้อความ เนื้อหาของข้อความจะปรากฏอยู่ด้านล่างรายการข้อความในบานหน้าต่างแสดง ตัวอย่าง ถ้าเป็นเช่นนั้น ให้คลิกสองครั้งที่ข้อความนั้นในรายการข้อความเพื่ออ่านข้อความในหน้าต่าง แยกต่างหาก


คลิกกล่องขาเข้าเพื่อดูข้อความอีเมลของคุณ

เมื่อต้องการตอบกลับข้อความ ให้คลิกปุ่ม ตอบกลับ



ที่มา : http://windows.microsoft.com/th-th/windows/getting-started-email#getting-started-email=windows-7

การตอบจดหมายกัน


  • ในการตอบกลับอีเมล์ นั้นมีอยู่ 3 แบบคือ
- การตอบกลับอีเมล์ถึงผู้ที่ส่ง
- การตอบกลับอีเมล์ทุกคน
- การตอบกลับอีเมล์ แบบเพิ่มรายชื่อบุคคลที่จะส่ง

      วิธีการตอบกลับอีเมล์ถึงผู้ที่ส่ง
  • การตอบกลับอีเมล์ ถึงผู้ที่ส่ง ที่ส่งหาเรา เราสามารถ เขียนข้อความลงในอีเมล์ และสามารถ แนบไฟล์เอกสารต่างๆลงไปได้อีกด้วย
1. โดยการ คลิกเลือกอีเมล์ที่ต้องการส่ง แล้วเลือก REPLY เพื่อตอบกลับไปยังผู้ส่ง


2.เมื่อทำการเขียนข้อความเรียบร้อยแล้ว คลิกที่ SEND เพื่อตอบกลับ


3. ถ้าต้นฉบับมีไฟล์แนบมาด้วยเราสามารถเลือกที่จะส่งไฟล์เอกสารกลับไป โดยการ INSERT ไฟล์เอกสาร หรือไฟล์รูปภาพที่จะส่ง



    
  วิธีการตอบกลับอีเมล์ทุกคน
  • การตอบกลับอีเมล์ทุกๆคนที่ผู้ส่งส่งหาเราสามารถเขียนข้อความลงในอีเมล์ และสามารถแนบไฟล์เอกสารต่างๆลงไปได้ ด้วยเนื้อหาข้อความของผู้ส่งยังอยู่ครบ หรือ เราจะต้องการลบข้อความของผู้ส่งทิ้งก็ได้

1.โดยการ คลิกเลือกอีเมล์ที่ต้องการส่ง แล้วเลือก Reply to All เพื่อตอบกลับไปยังผู้ส่ง


      วิธีการการตอบกลับอีเมล์ แบบเพิ่มรายชื่อบุคคลที่จะส่ง
  • การตอบกลับอีเมล์ แบบเพิ่มรายชื่อบุคคลที่เราจะส่ง เราสามารถเขียนข้อความลงในอีเมล์ และสามารถแนบ ไฟล์เอกสารต่างๆลงไป
1.ตรงช่อง To: หรือ Cc:  ให้ใส่ชื่อเพิ่มเข้าไปโดยมีสัญลักษณ์ ; กั้นไว้ระหว่างชื่อผู้ที่จะส่ง แล้วกด Send


ที่มา : http://help.portal.cmu.ac.th/?page_id=183

การส่งต่อจดหมาย

การส่งต่อข้อความ

การ ส่งต่อช่วยให้คุณส่งต่อข้อความให้กับคนอื่นๆ ได้อย่างง่าย ไม่ว่าจะเป็นสูตรอาหารตำรับพิเศษจากคุณแม่หรืออีเมลงานสำคัญ คุณสามารถส่งต่อเฉพาะข้อความ หรือจะส่งต่อการสนทนาทั้งหมดเลยก็ได้

การส่งต่อหนึ่งข้อความ

  1. เปิดข้อความที่คุณต้องการส่งต่อ
  2. คลิกที่ลิงก์ ส่งต่อ ในช่องด้านล่างข้อความ
    • หากไม่เห็นลิงก์ส่งต่อ ให้คลิกลูกศรชี้ลงติดกับ "ตอบ" ที่มุมด้านบนขวาของข้อความ แล้วเลือก ส่งต่อ   

  3. เพิ่มผู้รับรายใหม่และเขียนข้อความเพิ่มเติมลงในอีเมล
    • ถ้าข้อความมีไฟล์แนบอยู่ คุณสามารถเลือกที่จะไม่ส่งต่อไฟล์แนบนั้นได้ด้วยการเลื่อนไปที่ด้านล่างของข้อความแล้วคลิก x ในตำแหน่งที่แสดงชื่อไฟล์แนบนั้น
    • ข้อความเก่าๆ ในการสนทนาอาจรวมอยู่ในเนื้อหาข้อความด้วย คุณสามารถลบข้อความนั้นได้ง่ายๆ ถ้าไม่ต้องการส่งต่อ
  4. คลิก ส่ง

ส่งต่อการสนทนาทั้งหมด

  1. เปิดการสนทนา
  2. คลิกที่ปุ่ม เพิ่มเติม ในแถบเครื่องมือเหนือข้อความ แล้วเลือก ส่งต่อทั้งหมด
 เมื่อคุณส่งต่อการสนทนาทั้งหมด ข้อความทั้งหมดจากการสนทนานั้นจะรวมเป็นอีเมลฉบับเดียว แต่ละข้อความจะถูกทำเครื่องหมายไว้อย่างชัดเจนและแสดงตามลำดับเวลา จากข้อความเก่าสุดไปยังใหม่สุด เพื่อให้สามารถอ่านการสนทนาได้ง่าย

ที่มา : https://support.google.com/mail/answer/6586?hl=th

การลบจดหมาย

ลบทีละข้อความ

  1. เปิด Gmail
  2. เปิดข้อความ (หรือเลือกช่องทำเครื่องหมายข้างข้อความ)
  3. คลิก Trashcan icon ไอคอนถังขยะ

 เมื่อต้องการลบข้อความใดข้อความหนึ่งจากชุดข้อความสนทนา ให้คลิกลูกศรลงติดกับตอบ แล้วเลือกลบข้อความนี้

ลบหลายข้อความหรือทุกข้อความพร้อมกัน

1. เปิด Gmail
2. ค้นหากลุ่มข้อความที่ต้องการลบ คุณสามารถหาข้อความได้โดยใช้การค้นหาหรือโดยการเลือกข้อความทั้งหมดที่มีป้ายกำกับที่กำหนด
3. เลือกข้อความโดยใช้ช่องทำเครื่องหมายในแถบเครื่องมือที่อยู่เหนือข้อความ ซึ่งจะเป็นการเลือกข้อความทั้งหมดที่แสดงอยู่ในหน้านั้น


4. เหนือรายการข้อความ คุณจะเห็นประโยคในลักษณะต่อไปนี้แสดงอยู่

"คุณเลือกการสนทนาทั้ง 20 รายการในหน้านี้ เลือกการสนทนาทั้งหมดที่ตรงกับการค้นหานี้"



ใช้ลิงก์ “เลือกการสนทนาทั้งหมด” เพื่อเลือกข้อความที่เหลือถ้าคุณต้องการลบข้อความทั้งหมดในครั้งเดียวแทนการลบทีละหน้า

5.  หากมั่นใจว่าไม่ต้องการข้อความเหล่านี้อีกต่อไป ให้คลิก Trashcan icon ไอคอนถังขยะ



ที่มา : https://support.google.com/mail/answer/7401?hl=th

การกู้จดหมายคืน

 การกู้คืนข้อมูลจาก Gmail ที่ลบไปแล้วมาไว้ในกล่อง Inbox จึงคิดว่าวิธีการดังกล่าวน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่เผลอ ลบ E-mail สำคัญ ๆ ใน Gmail ไป  วันนี้จึงขอแชร์วิธีการกู้คืนอีเมล์ที่ลบแล้วจาก Gmail  อ้อ !! แต่อีเมล์ที่กู้คืน ต้องมีระยะเวลาไม่นานเกิน 30 วันนะคะ ถ้าเกิด 30 วันไปแล้ว กู้คืนไม่ได้ค่ะ


  รูปที่ 1 เลือกเมนู Trash (ถังขยะ)


ขั้นตอนง่ายๆ ในการกู้คืนอีเมล์ที่ลบไปแล้วใน Gmail

1. ล็อกอินเข้าใช้งาน Gmail ที่แถบด้านซ้าย คลิ๊ก More เลือก Trash   ดังภาพที่ 1


     ภาพที่ 2 ขั้นตอนการเรียกคืนอีเมล์กลับไปยัง inbox

2. ที่เมนุ Trash(ถังขยะ) จะมีอีเมล์ที่ถูกลบ หากต้องการกู้คืนอีเมล์ฉบับใด คลิ๊กเครื่องหมายถูกหน้าอีเมล์ ฉบับนั้น เลือกที่ปุ่มไอคอนโฟลเดอร์ คลิ๊กที่ลูกศรหัวกลับ เลือก Inbox ดังภาพที่ 2

3. หลังจากคลิ๊ก Inbox  เป็นการเลือกอีเมล์จากถังขยะ ไปเก็บไว้ใน Inbox หรือกล่องจดหมายดังเดิม  แค่นี้คุณก็ได้อีเมล์ที่ถูกลบไปกลับคืนมาเรียบร้อยแล้วค่ะ





ที่มา : http://www.basicict.com/2013/11/gmail.html


วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ส่วนประกอบของโปรแกรม Internet Explorer

Internet Explorer จะมีส่วนประกอบต่างๆ ของโปรแกรมที่เรียกชื่อแตกต่างกัน ส่วนต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น




ไตเติ้ลบาร์ (Title bar) แสดงชื่อของเอกสารบนอินเทอร์เน็ตที่กำลังเปิดชมอยู่ในขณะนั้น

เมนูบาร์ (Menu bar) เมนูคำสั่งในการทำงาน เมื่อคลิกที่ชื่อของเมนู จะมีรายการเมนูย่อยแสดงออกมาให้เลือกใช้

Standard toolbar จะเป็นชุดไอคอนที่ช่วยในการทำงานอย่างรวดเร็ว แทนการใช้คำสั่งบนเมนูบาร์ สามารถกำหนดได้จากออปชั่น (options) ของ Internet Explorer

Go button ปุ่ม Go ที่ใช้ป้อน URL ที่ต้องการแล้ว สามารถคลิกปุ่มนี้แทนปุ่ม Enter ได้

แอดเดรสบาร์ (Address bar) ที่นี่เป็นที่ใสที่อยู่ของเอกสารเว็บหรือที่อยู่ของสถานที่บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งเรียกว่า URL และหากกดปุ่มลูกศรที่อยู่ทางขวามือ จะมีรายการของ URL ที่เคยเปิดเรียกดูมาแล้ว สามารถเลือกคลิกไปที่ที่เราต้องการได้ทันที นอกจากนี้แล้ว ยังสามารถเรียกดูข้อมูลของฮาร์ดดิสก์จากที่นี่ได้ด้วย

ลิงก์บาร์ (Link bar) ใช้เก็บลิงก์พิเศษที่เราต้องการจะเข้าถึงอย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องเปิดที่ Favorites

เอ็กซ์พลอเรอร์บาร์ (Explorer bar) เป็นส่วนที่ใช้แสดงการค้นหาข้อมูล ผลลัพธ์ที่ได้จากการค้นหาข้อมูล ลิสต์รายการของ Favorites และลิสต์รายการของ History สามารถกำหนดให้แสดงหรือซ่อมไว้ก็ได้

เบราเซอร์เพน (Browser pane) คือจอภาพที่แสดงข้อมูลของเว็บเพ็จ
Status bar เป็นแถบแสดงสถานะการทำงาน ที่แสดงว่าสถานะการโหลดเว็บเพ็จ การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต


ที่มา :  http://www.chaiwbi.com/anet01/p06/t06b.html



การหยุดการโหลด (Stop)

        ในขณะที่โปรแกรมอยู่ในระหว่างการโหลดเว็บเพจตามที่เราพิมพ์ชื่อเว็บเพจไว้ในช่อง Address นั้น เมื่อเราไม่ต้องการเว็บเพจนี้ หรือต้องการเปลี่ยนแปลงชื่อเว็บเพจใหม่ เราก็ควรจะหยุดการโหลดเว็บเพจโดยคลิกที่ปุ่ม Stop
 
 
ที่มา  : http://sasiwimontan.blogspot.com/2011/11/4-web-browser.html
 

การสั่งให้มีการโหลดใหม่ ( Refresh)


        เมื่อเราพิมพ์ชื่อ Web ไว้ที่ช่อง Address แล้ว บางครั้งเราจะพบว่าโปรแกรม Web Browser สา มารถโหลดเว็บไซต์นั้นมาให้เราได้เพียงบางส่วนเท่านั้นก็หยุดการโหลด โดยเราจะสังเกตจากรูปธงที่สะบัดอยู่มุมบนด้านขวาของหน้าจอโปรแกรมหยุดการ สะบัด เราสามารถสั่งให้โปรแกรมโหลดเว็บไซต์นั้นให้เราใหม่อีกครั้ง โดยที่เราไม่ต้องพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ในช่อง Address ใหม่เพียงแคคลิดที่ปุ่ม Refresh โปรแกรมก็จะทำการโหลดเว็บไซต์ที่เราต้องการให้ใหม่ทันที
 
 
ที่มา : http://sasiwimontan.blogspot.com/2011/11/4-web-browser.html

การกลับไปยังหน้าแรกของเว็บไซต์ (Home)


        ในการเข้าไปใช้งานเว็บไซต์ต่าง ๆ เมื่อคลิกลิงก์ไปยังหน้าอื่น ๆ  ของเว็บไซต์ ก็เหมือนกับเราเปิดหนังสือทีละหน้าอ่านไปเรื่อย ๆ เมื่อเราต้องการกลับไปยังหน้าแรกของเว็บไซต์นั้น ๆ ถ้าคลิกที่ปุ่ม Back ก็เหมือนกับเราพลิกกลับมาทีละหน้า แต่ถ้าต้องการกลับไปยังหน้าแรกครั้งเดียวเลยจะต้องคลิกที่ปุ่ม Home 




 ที่มา : http://sasiwimontan.blogspot.com/2011/11/4-web-browser.html

การบันทึกเว็บเพจที่ชอบ ( Favorites)










ที่มา : http://www.happyoppy.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=460115&Ntype=4



การพิมพ์เว็บเพจ ( Print)

ในขณะที่คุณกำลังท่องเที่ยวอยู่บนออนไลน์นั้น คุณสามารถสั่งพิมพ์เว็บเพจออก ทางเครื่องพิมพ์ได้ทันที โดยที่ Internet Explorer ให้คุณเลือกที่เมนู File > Print


ซึ่งจะแสดงรายละเอียดในการสั่งพิมพ์งาน ให้คุณเลือกได้ว่าจะสั่งพิมพ์ที่เครื่องพิมพ์ไหน (ในกรณีที่คุณเชื่อมเครื่องพิมพ์หลายเครื่อง) จำนวนหน้า จำนวนสำเนา และที่พิเศษคือหากเว็บเพจที่คุณต้องการจะสั่งพิมพ์ประกอบด้วยเฟรมหลายๆ เฟรม คุณสามารถเลือกได้ว่าคุณจะสั่งพิมพ์ที่เฟรมไหน หรือจะสั่งพิมพ์หมดทุกเฟรม 

ส่วนของ Nescape Navigator สั่งพิมพ์ โดยเลือกที่ File > print แต่จุดที่แปลกจาก Internet Explorer คือคุณสามารถที่จะเห็นเค้าโครงคร่าวๆ ก่อนการสั่งพิมพ์หน้าเว็บเพจ โดยไปที่ File > print preview 


ที่มา :  http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/poonsak/itbrowser/print.html

การตั้งค่ากระดาษ (Page setup)

  โดยปรกติแล้วเมื่อเราเข้าเว็บต่างๆ จากนั้นเราต้องการจะพิมพ์หน้าเพจนั้นออกมาเป็นกระดาษจะมีหัวกระดาษ และท้ายกระดาษติดมาด้วย หรือ path ของไฟลล์ วันนี้จะขอแนะนำวิธีการตั้งค่าเพื่อให้เราสามารถกำหนดได้ว่า ต้องการให้พิมพ์อะไรออกมาพร้อมกับเว็บเพจบ้าง
          การตั้งค่าไม่ให้ Printer พิมพ์หัวกระดาษและท้ายกระดาษออกมาพร้อมกับหน้าเว็บ การ ตั้งค่าใน Internet Explorer ให้เลือกที่เมนู File >> page setup จากนั้นจะแสดงหน้าต่างให้กำหนดค่าต่างๆ เช่น ขนาดกระดาษ, แนวการพิมพ์ของกระดาษ, ขอบของกระดาษทั้ง 4 ด้าน และข้อความที่จะพิมพ์ในส่วนหัว-ท้ายของกระดาษ


ส่วน ที่เราสนใจคือส่วนของ Headers and Footers ถ้าไม่ต้องการพิมพ์ Header ก็สามารถทำได้โดยการลบข้อความในช่อง Header ส่วนของ Footer ก็เช่นกัน และถ้าเราต้องการพิมพ์ Header ล่ะแต่อยากได้เพียงบางส่วนเท่านั่นเราจะทำอย่างไร
ข้อความใน Header แต่ละ่ตัวจะมีความหมายว่าให้ทำงานในลักษณะใด หรือแทนคำสั่งใด 



โค๊ดผลลัพธ์
&b ข้อความจัดกลาง
&b ข้อความแรก&bข้อความที่สองข้อความแรกจะถูกจัดกลาง ข้อความที่สองจะถูกจัดอยู่ขวาสุด
&dแสดงวันที่แบบย่อตาม Regional Settings ใน Control Panel
&Dแสดงวันที่เต้มรูปแบบ
&pเลขหน้าของเว็บเพจ
&Pจำนวนหน้าทั้งหมด
&tใส่รูปแบบของเวลาแบบ 12 ชั่วโมงหรือ 24 ชั่วโมง
&Tเวลาในรูปแบบ 24 ชั่วโมง
&uใส่ Address หรือ URL ของเว็บเพจ
&wข้อความที่แสดงใน title bar
&&ใช้เมื่อต้องการใส่เครื่องหมาย “&”


ที่มา : http://ikungolf.blogspot.com/2011/09/web-browser.html

การบันทึกเว็บเพจ








ที่มา : http://www.happyoppy.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=457571&Ntype=4


การปรับแต่งตัวอักษร

  เว็บไซต์บางแห่งจะมีการกำหนดขนาด Font ที่ตายตัว อาจจะเพื่อความสวยงามหรือเพื่อความเป็นระเบียบของเว็บเพจ แต่ในบางครั้งก็ทำให้อ่านลำบากเพราะขนาด font ที่เล็กเกินไป..สำหรับท่านที่ใช้ Internet Explorer สามารถที่จะยกเลิกการกำหนดขนาด Font ได้

 ขอตัวอย่างเว็บไซต์ http://www.gorya.com/firefox/






 จะเห็นว่าแม้ปรับขนาด Text Size แล้วแต่ขนาด Font ที่แสดงผลในเว็บเพจยังคงไม่เปลียนแปลงทีนี้เรามายกเลิการกำหนดขนาด Font โดยเข้าไปที่ Control Panel >>> Internet Options >>> แท็บ General >>> ปุ่ม Accessibility 


ที่หน้าต่าง Accessibility ให้ทำเครื่องหมายที่ Ignore font sizes specified on Web pages


ลองปรับขนาด Text Size ดู จะเห็นว่าตอนนี้คุณสามารถปรับได้แล้ว


หากย้อนไปดูที่หน้าต่าง Accessibility ในส่วน Formatting คุณจะเห็นจุดที่คุณสามารถกำหนดรูปแบบได้อีกสองจุดคือ..

[ ] Ignore colors specified on Web pages
[ ] Ignore font styles specified on Web pages

ลองทำเครื่องหมายที่ Ignore font styles specified on Web pages ..
จะเห็นว่ารูปแบบ Font มีการเปลี่ยนแปลง คือจะไม่แสดงรูปแบบ Font ตามที่ได้มีการกำหนดไว้ในเว็บไซต์ แต่จะใช้รูปแบบ Font ปกติ (Default) แทน 



ลองทำเครื่องหมายที่ Ignore colors specified on Web pages ..
จะเห็นว่าสีขอบตาราง, ตัวหนังสือ, Background ถูกยกเลิกไม่ให้แสดงผล



ที่มา : http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=41183.0